วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2551
วันพฤหัสบดีที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2551
ไฟล์ โปสเตอร์ประชาสัมพันธ์เรื่องประท้วง เดนมาร์ค
รายงานผลการประชุม...กรณีเดนมาร์ค

วันพุธที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2551
โปสเตอร์แบบใหม่


อัฟกานิสถานร่วมต้านเดนมาร์ก
สมาชิกรัฐสภาอัฟกานิสถานร่วมต้านเดนมาร์ก
สมาชิกรัฐสภาของอัฟกานิสถานกว่า 200 คนร่วมเดินขบวนประท้วงสื่อเดนมาร์กที่ตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนศาสดามุฮัมหมัด และการทำภาพยนตร์หมิ่นอัลกุรอ่านของส.ส.เนเธอร์แลนด์ โดยสมาชิกรัฐสภาทั้งส.ส. และ ส.ว. ของอัฟกานิสถานเหล่านี้ได้ตะโกนข้อความ "ความตายจงมีแด่ศัตรูอิสลาม" อยู่ด้านหน้าของรัฐสภาอัฟกานิสถานในกรุงคาบุล
ทั้งนี้ในแถลงการณ์พวกเขาได้เรียกร้องให้ประชาคมโลก สหประชาชาติ และองค์การการประชุมอิสลาม (โอไอซี) ให้มีปฏิกิริยาต่อต้านการดูหมิ่นอิสลามเช่นนี้ รวมไปถึงมีมาตรการที่ห้ามประเทศอื่นๆ ไม่ให้ก่อความเสียหายที่เป็นการเผชิญหน้า และเป็นอันตรายต่อสังคมมุสลิม"
ทั้งนี้บรรดาส.ส.และส.ว.ของอัฟกานิสถานยังได้เรียกร้องต่อกระทรวงการต่างประเทศอัฟกานิสถานให้เรียกทูตของเดนมาร์กและเนเธอร์แลนด์มาหารือในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ รวมไปถึงต้องการให้รัฐบาลของเดนมาร์กและเนเธอร์แลนด์ให้หาทางป้องกันไม่เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นในประเทศอีก
อย่างไรก็ตามเมื่อวันจันทร์ ( 3 มี.ค.) รันจิน ดัดฟาร์ สปันตารัฐมนตรีต่างประเทศอัฟกานิสถานกล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างเดินทางเยือนเดนมาร์กว่า ตัวเขาเองเคารพในวัฒนธรรมที่แตกต่าง แต่ให้คำแนะนำว่าหนังสือพิมพ์เดนมาร์กละเมิดเสรีภาพทางด้านการแสดงออก เมื่อพวกเขาตีพิมพ์ภาพล้อเลียนนบีอีกครั้ง
"เสรีภาพในการพูด จะต้องไม่นำมาใช้เพื่อทำให้มุสลิมหลายพันล้านต้องน้ำตาตก"
รัฐมนตรีต่างประเทศอัฟกานิสถานกล่าว
วันอังคารที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2551
เมื่อเดนมาร์กไม่ยอมหยุด...
ท่านร่อซูลศอลลอลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า
"คนใดในหมู่พวกเจ้าจะยังไม่เป็นผู้ศรัทธา
จนกว่าฉันจะเป็นที่รักยิ่งของเขา
...มากกว่าพ่อแม่ของเขา, ลูกๆของเขา และมนุษย์คนอื่นๆทั้งหมด"
[หะดีษ บันทึกโดยบุคคอรี]
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจ และถูกหยิบยกมาวิเคราะห์โดยสื่อต่างประเทศหลายแหล่ง เกี่ยวกับกรณีการตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนร่อซูลของอัลลอฮฺซ้ำอีกครั้งในหน้าหนังสือพิมพ์เดนมาร์ก ก็คือ...อะไรที่ทำให้ประเทศเล็ก ๆ ที่มีประชากรไม่เกิน 6 ล้านคนอย่างเดนมาร์ก หาญกล้าที่จะประกาศสงครามซ้ำ ๆ ซาก ๆ กับโลกอิสลามที่มีประชากรมากกว่าพันล้านคน โดยที่เดนมาร์กเองก็ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดจากการกระทำเช่นนี้ นอกจากความเสียหายทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากการบอยคอตของชาวมุสลิมทั่วโลก[1]
ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์อื่นใดที่ไม่ถูกเปิดเผยแก่สาธารณชน ก็น่าเชื่อว่าการกระทำการอาจหาญเช่นนี้ของเดนมาร์กคงจะมีอุดมการณ์หรือความเชื่อบางอย่างที่มีพลังและคุณค่ามากพอเป็นปัจจัยสนับสนุน ซึ่งเดนมาร์ก โดยเฉพาะประดาสื่อสิ่งพิมพ์สัญชาติเดนิชทั้งหลายที่ตีพิมพ์ภาพการ์ตูนเจ้าปัญหา ก็ยืนกรานว่าตนเองทำไปเพื่อสิ่งนี้...เพื่อธำรงไว้ซึ่งอุดมการณ์ที่ตนเลื่อมใส นั่นคืออุดมการณ์แห่ง “เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น” (Freedom of Speech)
ถ้าเป็นอย่างที่พวกเขาอ้างจริง การตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนดังกล่าวก็น่าจะทำให้นิยามของคำว่า “เสรีภาพ” ตกต่ำและหยาบช้าลงเป็นอันมาก เพราะคำ ๆ นี้จะกลายเป็นข้ออ้างไม่จบสิ้นในการระรานพื้นที่ทางความเชื่อของบุคคลอื่น หลังจากที่ก่อนหน้านี้มันถูกใช้อย่างแพร่หลายก็เฉพาะแต่ในเรื่องการปฏิบัติส่วนบุคคล(แต่ส่งผลระทบต่อสังคมโดยรวม) อาทิเช่น สิทธิที่จะเปลือยกายและสำส่อนอย่างเสรี ซึ่งแม้พฤติกรรมประเภทนี้จะทำให้ช่องว่างระหว่าง “ความเป็นมนุษย์” กับ “ความเป็นสัตว์” แคบลงจนแทบไม่เหลือ แต่ก็ยังสามารถนับเป็นการไม่เคารพความเป็นมนุษย์ของตนเองเฉพาะบุคคลได้ ต่างจากการวาดภาพล้อเลียนที่เกิดขึ้น ซึ่งนับเป็นการไม่เคารพความเชื่อของบุคคลอื่น
ในนัยนี้ “เสรีภาพ” จึงกลายเป็นคำที่มีความขัดแย้งในตัวเอง เพราะในขณะที่พลพรรคผู้บูชาเสรีภาพทั้งหลายกล่าวว่าประชาชนทุกคนมีเสรีภาพที่จะเลือกเชื่อ เลือกศรัทธาในลัทธิหรือแนวทางที่ตนเลื่อมใส แต่ก็ให้เสรีภาพคนอื่นที่จะลบหลู่ดูหมิ่นความศรัทธาอันนั้น แล้วมันจะเป็นการกระทำที่สมเหตุสมผลได้อย่างไร เมื่อการแสดงเสรีภาพของคนกลุ่มหลังจะกลายเป็นการไม่ให้เสรีภาพอย่างแท้จริง แก่คนกลุ่มแรกในทันที
ที่น่าคิดก็คือ บางที...อาจไม่ใช่เพื่อพิทักษ์อุดมการณ์ที่ยังนิยามไม่เสร็จอย่าง“เสรีภาพ”หรอก ที่หนังสือพิมพ์เดนมาร์กตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนเหล่านั้น หากเพราะอุดมการณ์ต่อต้านอิสลามต่างหาก ที่ทำให้พวกเขากล้าหาญพอที่จะประกาศสงครามกับโลกอิสลามด้วยการดูหมิ่นร่อซูลของอัลลอฮฺเช่นนี้
หลักฐานสำหรับข้อสังเกตนี้ก็คือเรื่องที่เราหลายคนทราบอยู่แล้ว นั่นคือหนังสือพิมพ์ “Jyllands-Posten” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับแรกที่ตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนดังกล่าว ได้เคยปฏิเสธที่จะตีพิมพ์ภาพการ์ตูนล้อเลียนเยซู ซึ่งแม้บรรณาธิการหนังสือพิมพ์จะมีข้ออ้างบ้า ๆ บอ ๆ หลายอย่างมาอธิบายเรื่องนี้ [2] แต่การปฏิบัติดับเบิลแสตนดาร์ดที่ปรากฏก็ยากจะปฏิเสธ
ข้อเท็จจริงอีกประการหนึ่งก็คือเดนมาร์กเป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ที่ประกาศตัวเข้าร่วมสงครามต่อต้านก่อการร้าย (ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าชื่อที่แท้จริงของ “สงครามต่อต้านการก่อการร้าย” นี้ก็คือ “สงครามต่อต้านอิสลาม”) โดยอยู่ฝ่ายเดียวกับผู้ก่อการร้ายตัวจริงอย่างอเมริกา ทุกวันนี้ทหารเดนมาร์กยังคงย่ำรองเท้าบู้ตของพวกเขาอยู่บนแผ่นดินอัฟฆอนิสตาน และอิรักร่วมกับกองทัพอเมริกัน ในขณะที่กระแสต่อต้านอิสลามและมุสลิมในเดนมาร์กเองก็ปรากฏชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ [3]
...เหล่านี้ล้วนแสดงให้เห็นว่าเดนมาร์กเป็นประเทศที่มีอุดมการณ์ต่อต้านอิสลามมากกว่าอุดมการณ์พิทักษ์เสรีภาพอะไร ๆ นั่น
ท้ายที่สุดไม่ว่าการตีพิมพ์ซ้ำการ์ตูนล้อเลียนร่อซูลของอัลลอฮฺจะเป็นไปด้วยเหตุผลใด สิ่งที่เกิดขึ้นแน่ ๆ ก็คือการที่ประเทศเล็ก ๆ ประเทศหนึ่งสามารถดูหมิ่นผู้นำศาสนาที่คนพันกว่าล้านคนบอกว่ารักอยู่ทุกวันได้อย่างซ้ำ ๆ ซาก ๆ
...อุมมะฮฺอิสลามอยู่ที่ไหน?
สมัยคอลิฟะฮฺอุมัร อิบนุ ค๊อฏฏอบ อิสลามได้แผ่ขยายไปถึงบะหฺเรน ครั้ง 1...เด็กมุสลิมชาวบะหฺเรนกำลังเล่นกีฬาอยู่ แล้วเผอิญลูกบอลที่เล่นกันกระเด็นไปโดนบาทหลวงที่อยู่แถวนั้น บาทหลวงก็ต่อว่าเด็กมุสลิมอย่างมีโมโห แล้วเลยลามปามไปดูหมิ่นถึงท่านร่อซูลศอลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ผลก็คือเด็กมุสลิมกลุ่มนั้นทำร้ายบาทหลวงจนเสียชีวิต เมื่อเรื่องนี้ไปถึงอะมีรุลมุอฺมินีน อุมัร อิบนิค๊อฏฏ็อบ ท่านกล่าวว่า “ฉันแน่ใจแล้วว่าอิสลามมั่นคงอยู่ที่บะหฺเรน” ![4]
ถามว่าถ้าคนอย่างท่านอุมัรมีชีวิตอยู่ในสมัยเราจะเกิดอะไรขึ้น?
ค่อนข้างแน่ใจนะว่า มุสลิมเกือบทุกคน แม้กระทั่งคนที่ไม่เห็นด้วยกับการแสดงออกอย่างรุนแรงในกรณีการ์ตูนดูหมิ่นน่าจะตอบตรงกันว่า คนวาดการ์ตูนและรวมถึงเดนมาร์กทั้งประเทศจะไม่มีโอกาสได้กระทำการสกปรกอย่างที่พวกเขาทำอยู่ซ้ำเป็นครั้งที่สองแน่...ไม่มีทาง!
แล้วพวกเราเป็นใครกัน? ไม่ใช่อุมมะฮฺของร่อซูลท่านเดียวกับท่านอุมัรหรือ? ทำไมประเทศอย่างเดนมาร์กถึงกล้าดูหมิ่นร่อซูลของเราซ้ำแล้วซ้ำเล่า?
ใช่ - บอยคอต![5] นั่นเป็นการกระทำขั้นต่ำสุดที่เราต้องทำ แต่การที่เดนมาร์กกล้าตีพิมพ์การ์ตูนสกปรกของพวกเขาซ้ำ ก็แสดงให้เห็นว่ามาตรการใดใดที่เราเคยทำหลังจากการตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนครั้งแรก ล้วนไม่อาจหยุดยั้งเดนมาร์กได้ บางที...แค่การบอยคอตอาจไม่พอ เดนมาร์กจำเป็นต้องได้รับบทเรียนมากกว่านั้น
ดังนั้น หลังจากงดใช้สินค้าของพวกเขาแล้ว ก็อย่าลืมขอดุอาอฺให้บทเรียนสำหรับผู้ดูหมิ่นร่อซูลของอัลลอฮฺได้ประจักษ์ชัดอย่างรวดเร็วและรุนแรง และพี่น้องมุสลิมคนใดที่กำลังวางแผนเพื่อให้เดนมาร์ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนวาดการ์ตูนและบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์ ได้รับบทเรียนที่คู่ควรที่สุดกับพวกเขา ก็ขออัลลอฮฺทรงช่วยเหลือให้แผนของพวกเขาสำเร็จ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือผู้วางแผนและผู้ให้ผลตอบแทนที่สาสมที่สุด!
إِنَّمَاجَزَاء الَّذِينَ يحَارِبونَ اللّهَ وَرَسولَه وَيَسْعَوْنَ فِي الأَرْض ِفَسَاداً
أَن يقَتَّلواْ أَوْ يصَلَّبواْ أَوْ تقَطَّعَ أَيْدِيهِم ْوَأَرْجلهم مِّنْ خِلافٍ أَوْ ينفَوْاْ مِنَ الأَرْضِ
ذَلِكَ لَهمْ خِزْيٌ فِي الدّنْيَا وَلَهمْ فِي الآخِرَةِ عَذَابٌ عَظِيمٌ
“แท้จริงการตอบแทนแก่บรรดาผู้ที่ทำสงครามต่ออัลลอฮ์ และร่อซูลของพระองค์
และพยายามบ่อนทำลายในแผ่นดินนั้น ก็คือการที่พวกเขาจะถูกฆ่า หรือถูกตรึงบนไม่กางเขน
หรือมือของพวกเขาและเท้าของพวกเขาจะถูกตัดสลับข้าง หรือถูกเนรเทศออกไปจากแผ่นดิน
นั่นก็คือพวกเขาจะได้รับความอัปยศในโลกนี้ และจะได้รับการลงโทษอันใหญ่หลวงในปรโลก”
[อัล-มาอิดะฮฺ 5:33]
วันจันทร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2551
ประกาศ...กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ จัดการประชุมเพื่อกำหนดท่าทีต่อเดนมาร์ค


เชคริฎอ อะหมัด สมะดี (ประธานกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ) เรียนเชิญแกนนำ นักวิชาการของกลุ่ม ตลอดจนพี่น้องมุสลิม(สุภาพบุรุษเท่านั้น)
วันพุธที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
แจ้งข่าวเรื่อง เสื้อรณรงค์ บอยคอต..เดนมาร์ค

+++องค์กรศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมอิสลามแถลงประณามสื่อเดนมาร์ก

+++เชคกอรฎอวีย์ร้องมุสลิมบอยคอตสินค้าเดนมาร์ก

ประธานาธิบดีซูดานเรียกร้องให้บอยคอตเดนมาร์ก

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
มุสลิมที่อินโดนีเซียประท้วงเดนมาร์คตีพิมพ์การ์ตูนล้อเลียนท่านนบี

พี่น้อง.....โปรดแสดงความรู้สึกของท่าน
วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551
แถลงการณ์ ฉบับแรก...

สืบเนื่องจากเหตุการณ์ลบหลู่ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ครั้งที่ 2 ณ ประเทศเดนมาร์กเมื่อเร็วๆนี้ กลุ่มมุสลิมเพื่อสันติขอประณามพฤติกรรมของสื่อมวลชนแห่งประเทศเดนมาร์กที่ได้รวมตัวกันแสดงออกเป็นเอกฉันท์ ตลอดจนจุดยืนของคณะรัฐมนตรีแห่งประเทศเดนมาร์กที่แสดงการปกป้องต่อการลบหลู่ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยอ้างว่าเป็นเอกสิทธิ์ของสื่อมวลชนตามสิทธิที่ประชาธิปไตยเอื้อให้แก่ประชาชน อนึ่งจุดยืนดังกล่าวของประเทศเดนมาร์กได้ปรากฏเป็นครั้งที่ 2 แล้ว จึงฟ้องถึงนโยบายที่ต่ำช้าของคณะรัฐมนตรีต่อประชากรมุสลิมนับพันล้าน ซึ่งไม่คำนึงถึงเกียรติยศของผู้นำศาสนาระดับ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และไม่เห็นใจต่อความรู้สึกของชาวมุสลิมที่เคารพนับถือ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นอย่างยิ่ง และดูเหมือนประสบการณ์ครั้งแรกที่ประชาชาติอิสลามได้ประณามการลบหลู่ ท่านนบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มิได้เป็นบทเรียนให้แก่ผู้ใหญ่ในประเทศเดนมาร์กแต่อย่างใด
ริฎอ อะหมัด สมะดี
ประธานกลุ่มมุสลิมเพื่อสันติ
18 ก.พ 51